อยากรันแบรนด์ครีมกันแดด? ต้องรู้เรื่องนี้! ทำไม Oxybenzone ถึงถูกแบนในยุโรป-ญี่ปุ่น แล้วแบรนด์ไทยควรเลี่ยงไหม? ยุคนี้ใคร ๆ ก็รู้ว่าสารกันแดดไม่ใช่แค่เรื่องความสวยความงาม แต่เป็นเรื่องของความปลอดภัยทั้งกับผิวของเราและสิ่งแวดล้อม
เมื่อครีมกันแดดที่คุณใช้ “ไม่ปลอดภัย” อีกต่อไป! Oxybenzone สารต้องห้ามที่แบรนด์ไทยต้องเลี่ยง
"เฮ้ยแก! ครีมกันแดดตัวที่ฉันใช้ประจำที่ว่าดีนักดีหนา ตอนนี้มันกลายเป็นสารต้องห้ามไปแล้วนะ!”
ประโยคนี้อาจจะฟังดูเวอร์ไปหน่อย แต่ถ้าใครที่อยู่ในวงการเครื่องสำอางหรือเป็นเจ้าของแบรนด์ครีมคงจะรู้ดีว่ากฎระเบียบของนานาชาติกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเรื่องของสารกันแดด อย่าง Oxybenzone ที่วันนี้เราจะมาคุยกันอย่างจริงจังว่ามันคืออะไร ทำไมถึงถูกแบน และแบรนด์ไทยควรจะปรับตัวยังไง เพื่อให้รอดในตลาดโลก
◼︎ รู้หรือยัง? Oxybenzone คืออะไร และทำไมถึงเป็นตัวร้ายของวงการบิวตี้
ก่อนอื่นเลยมาทำความรู้จักกับเจ้า Oxybenzone หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า Benzophenone-3 กันก่อนดีกว่า มันเป็นสารเคมีที่ถูกใช้ในครีมกันแดดมานานแสนนาน หน้าที่ของมันคือการดูดซับรังสี UVA และ UVB ไม่ให้ทำร้ายผิวของเรา ซึ่งก็ถือว่าทำงานได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว
แต่แล้วความจริงก็ถูกเปิดเผยว่าเจ้า Oxybenzone นี้ไม่ได้ดีอย่างที่คิด เพราะมีงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่ามันสามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังและก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ แถมยังเป็นสาเหตุของอาการแพ้ที่เรียกว่า Photoallergic Contact Dermatitis (PACD) ซึ่งเป็นการแพ้ที่เกิดจากการที่ผิวสัมผัสกับสารเคมีแล้วโดนแสงแดดกระตุ้นอีกที
แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวปะการังในทะเล งานวิจัยหลายฉบับชี้ให้เห็นว่า Oxybenzone สามารถไปทำลายปะการัง ทำให้ปะการังเกิดภาวะฟอกขาว (Bleaching) และตายในที่สุด ด้วยเหตุผลนี้เองหลายประเทศทั่วโลกจึงเริ่มออกกฎหมายเพื่อจำกัดหรือแบนการใช้สารตัวนี้ในผลิตภัณฑ์กันแดด
◼︎ กฎหมายใหม่ที่ยุโรปและญี่ปุ่น สัญญาณเตือนที่แบรนด์ไทยต้องหันมามอง
ยุโรปและญี่ปุ่นถือเป็นสองตลาดเครื่องสำอางที่ใหญ่และมีมาตรฐานสูงมาก โดยล่าสุดทางสหภาพยุโรป (EU) ได้มีการปรับปรุงกฎระเบียบด้านเครื่องสำอาง โดยกำหนดให้มีการจำกัดปริมาณการใช้ Oxybenzone ในผลิตภัณฑ์กันแดด และมีแนวโน้มที่จะแบนสารตัวนี้ในอนาคตอันใกล้ ส่วนที่ญี่ปุ่นเองก็มีกฎหมายที่เข้มงวดไม่แพ้กัน ทำให้แบรนด์ที่อยากจะส่งออกไปขายในสองตลาดนี้ต้องปรับสูตรกันยกใหญ่เลยทีเดียว
ถ้าถามว่าแบรนด์ไทยควรเลี่ยง Oxybenzone ไหม คำตอบคือ ควรเลี่ยงอย่างยิ่ง เพราะนอกจากเรื่องของกฎหมายแล้ว มันยังเป็นเรื่องของภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ด้วย ลองคิดดูสิว่าถ้าแบรนด์ของเรายังมีส่วนผสมที่เป็นที่ถกเถียงกันอยู่ เราจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้ยังไง? โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่องความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ดังนั้น การเลือกใช้สารกันแดดที่ปลอดภัยและได้รับการยอมรับในระดับสากล จึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของแบรนด์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับบริษัทรับสร้างแบรนด์ครีมที่ต้องคอยอัปเดตข้อมูลและพัฒนาสูตรให้ทันสมัยอยู่เสมอ
◼︎ ทางเลือกของสารกันแดดที่ปลอดภัย เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส
เมื่อ Oxybenzone กลายเป็นตัวเลือกที่ไม่น่าใช้แล้ว เรายังมีทางเลือกอื่นอีกมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
- สารกันแดดแบบ Physical Sunscreen (แร่ธาตุ): ได้แก่ Zinc Oxide และ Titanium Dioxide สารสองตัวนี้ทำหน้าที่เป็นเหมือนเกราะป้องกันผิว โดยจะสะท้อนรังสี UV ออกไปไม่ให้ซึมเข้าสู่ผิวหนัง ข้อดีคือปลอดภัยต่อผิวและสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองและไม่ทำให้ปะการังฟอกขาว แต่ข้อเสียคืออาจจะทิ้งคราบขาวบนผิวได้
- สารกันแดดแบบ Chemical Sunscreen (สารเคมี): ปัจจุบันมีการพัฒนาสารกันแดดเคมีตัวใหม่ ๆ ที่ปลอดภัยกว่า Oxybenzone มากขึ้น เช่น Tinosorb M, Tinosorb S, Uvinul A Plus และ Uvinul T 150 สารเหล่านี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้ดีเยี่ยม แถมยังมีความเสถียรสูงและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่ากับสารตัวเก่า ๆ
นอกจากนี้ยังมีสารกันแดดแบบ Hybrid ที่เป็นการผสมผสานระหว่าง Physical และ Chemical Sunscreen เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด และลดข้อด้อยของแต่ละประเภทลง ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรงในวงการเครื่องสำอาง
สำหรับเจ้าของแบรนด์มือใหม่ การเลือกสารกันแดดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ถ้าคุณกำลังหาบริษัทรับสร้างแบรนด์ครีมที่เข้าใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย นี่คือสิ่งที่คุณต้องพิจารณาเป็นอันดับแรก
◼︎ การตลาดที่แตกต่าง เมื่อครีมกันแดดไม่ได้มีแค่เรื่องกันแดด
นอกจากเรื่องของสารกันแดดแล้ว การจะทำให้แบรนด์ของเราโดดเด่นในตลาดที่เต็มไปด้วยคู่แข่ง ก็ต้องมีกลยุทธ์การตลาดที่น่าสนใจ ซึ่งไม่ใช่แค่การบอกว่า “ครีมกันแดดของเราดี” อีกต่อไป แต่ต้องมีเรื่องราวที่น่าสนใจและสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ของเรา
ลองคิดดูสิว่าถ้าเราบอกว่าครีมกันแดดของเรา “ปลอดภัยกับผิวและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ฟังดูน่าสนใจกว่าไหม? หรือจะเจาะไปที่กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น กลุ่มที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง กลุ่มที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือกลุ่มที่รักสุขภาพผิวแบบองค์รวม
การทำการตลาดแบบนี้ต้องอาศัยข้อมูลที่แน่น และความเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์อย่างลึกซึ้ง ซึ่งบริษัทรับสร้างแบรนด์ครีม ที่ดีจะสามารถช่วยคุณได้ ตั้งแต่การวางคอนเซปต์ การพัฒนาสูตร การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการทำการตลาดให้โดดเด่นและตรงใจกลุ่มเป้าหมายที่สุด
แบรนด์ครีมกันแดดของคุณจะเติบโตได้ไกล ถ้าเริ่มต้นถูกทาง
สุดท้ายนี้อยากจะสรุปว่าการทำธุรกิจครีมกันแดดในยุคนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการทำครีมให้กันแดดได้ดีเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย การเลือกใช้สารกันแดดที่ปลอดภัยและได้รับการยอมรับในระดับสากล ไม่เพียงแต่จะช่วยให้แบรนด์ของเรามีภาพลักษณ์ที่ดี แต่ยังช่วยให้เราสามารถส่งออกไปขายในตลาดต่างประเทศได้อย่างสบายใจ
หากคุณเป็นเจ้าของแบรนด์หรือกำลังมีความคิดที่จะสร้างแบรนด์ครีมกันแดดเป็นของตัวเอง การเลือกพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจในเรื่องเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญมากบริษัทรับสร้างแบรนด์ครีมที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จะช่วยให้คุณไปถึงฝันได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
อยากสร้างแบรนด์ครีมกันแดดที่แตกต่างและไม่เหมือนใครใช่ไหม? อย่ารอช้า! ลองมาคุยกับเราสิ เราพร้อมที่จะช่วยคุณพัฒนาสูตรและวางแผนการตลาดให้โดนใจกลุ่มเป้าหมายที่สุด เพราะเราคือผู้เชี่ยวชาญด้านรับสร้างแบรนด์ครีมที่แท้จริง