เคยไหมที่รู้สึกว่าผิวบอบบางแพ้ง่ายของเราหาอะไรมาบำรุงยากเหลือเกิน? จะเลือกสกินแคร์แต่ละทีต้องคิดแล้วคิดอีก กลัวแพ้ กลัวอุดตัน จนบางทีก็ท้อใจ วันนี้เราจะมาเจาะลึก "อโวคาโดออยล์"
Avocado Oil ทำไมใครๆ ก็รัก (โดยเฉพาะคนผิวแห้ง)
คุณสมบัติเด่นที่ต้องรู้
ถ้าพูดถึงอโวคาโดออยล์ สิ่งแรกที่นึกถึงคือ ความชุ่มชื้น ค่ะ! เจ้าออยล์ตัวนี้อุดมไปด้วยวิตามินอี วิตามินดี และกรดไขมันจำเป็นอย่างโอเมก้า 3 และ 6 ที่ช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้นล้ำลึก แถมยังช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้นด้วยนะ พอเกราะผิวแข็งแรง ผิวก็จะไม่ระคายเคืองง่าย สบายผิวขึ้นเยอะเลย
ที่สำคัญคือ เนื้อสัมผัส ของอโวคาโดออยล์จะค่อนข้างหนืดกว่าออยล์บางชนิด แต่ซึมซาบได้ดี ไม่เหนอะหนะจนเกินไป ทำให้รู้สึกสบายผิวหลังทา ใครที่ผิวแห้งมากๆ หรือมีปัญหาผิวแห้งลอกเป็นขุย ตัวนี้คือฮีโร่เลยค่ะ!
นี่คือคำถามยอดฮิตของสาวๆ ผิวบอบบางและเป็นสิวง่ายเลยใช่ไหมคะ? ความกลัวเรื่อง "การอุดตัน" เป็นเรื่องใหญ่มากเวลาจะเลือกใช้น้ำมันบำรุงผิว อโวคาโดออยล์มีค่า Comedogenic Rating อยู่ที่ 3 ค่ะ (เต็ม 5) ซึ่งหมายความว่า "มีแนวโน้ม" ที่จะอุดตันได้ปานกลาง ไม่ได้สูงปรี๊ดจนน่ากลัว แต่ก็ไม่ได้ปลอดภัย 100% สำหรับทุกคน
ใครบ้างที่อาจต้องระวัง?
- คนผิวมันมากๆ หรือเป็นสิวง่ายอยู่แล้ว: ถ้าผิวเราผลิตน้ำมันเยอะอยู่แล้ว การเพิ่มออยล์ที่มีแนวโน้มอุดตันเข้าไปอีก อาจจะกระตุ้นให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น ควรทดลองใช้ในปริมาณน้อยๆ หรือใช้เฉพาะจุดที่แห้งเป็นพิเศษ
- คนที่มีปัญหาสิวอุดตันเรื้อรัง: ถ้าเราเป็นคนที่มีสิวอุดตันขึ้นง่ายมากๆ ลองสังเกตตัวเองดีๆ ค่ะ ว่าอโวคาโดออยล์เป็นสาเหตุไหม
- คนที่มีผิวบอบบางแต่ก็มีผิวมันในบางช่วง: บางทีผิวเราอาจจะแห้งแต่ก็มันช่วงทีโซน กรณีนี้อาจจะเน้นทาออยล์เฉพาะส่วนที่แห้งมากๆ หรือใช้ในปริมาณที่น้อยลง
ใช้อย่างไรให้รอดพ้นจากสิว?
- ทดสอบก่อนใช้: อันนี้สำคัญมาก! ลองทาอโวคาโดออยล์ปริมาณเล็กน้อยบริเวณกราม หรือหลังหู ทิ้งไว้ 2-3 วัน ถ้าไม่เกิดอาการแพ้หรือสิวขึ้น ก็ค่อยขยับไปใช้กับใบหน้า
- ใช้ในปริมาณน้อย: ไม่จำเป็นต้องโบกเยอะๆ ค่ะ แค่ 2-3 หยด ก็เพียงพอแล้วสำหรับการบำรุงผิวหน้า
- ใช้ผสมกับอย่างอื่น: ลองผสมอโวคาโดออยล์กับมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ใช้อยู่ เพื่อลดความเข้มข้น และช่วยให้ซึมซาบได้ดีขึ้น
- ใช้เฉพาะจุด: ถ้าผิวมันช่วงทีโซน แต่แก้มแห้งมาก ก็ทาเฉพาะบริเวณแก้ม หรือส่วนที่แห้งกร้านก็ได้
- ล้างหน้าให้สะอาด: หลังใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ ควรล้างหน้าให้สะอาดหมดจด เพื่อลดการตกค้างและการอุดตัน
น้ำมันบำรุงผิวทางเลือกอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- โจโจ้บาออยล์ (Jojoba Oil): มิตรแท้ผิวมัน
ถ้ากังวลเรื่องอุดตันมากๆ และมีผิวมัน ลองหันมามอง โจโจ้บาออยล์ ค่ะ! ออยล์ตัวนี้มีโครงสร้างคล้ายกับซีบัม (Sebum) หรือน้ำมันตามธรรมชาติของผิวเรามากๆ ทำให้ซึมซาบได้ดี ไม่เหนอะหนะ และที่สำคัญคือ มีค่า Comedogenic Rating ต่ำเพียง 2 เท่านั้น ทำให้โอกาสอุดตันน้อยกว่าอโวคาโดออยล์มาก เหมาะสำหรับคนผิวมัน เป็นสิวง่าย หรือผิวบอบบางที่กลัวอุดตันเป็นพิเศษ
- สควาเลน (Squalane): เบาบาง ชุ่มชื้น ไม่หนักผิว
สควาเลน ไม่ใช่น้ำมันซะทีเดียว แต่เป็นไฮโดรคาร์บอนที่ได้มาจาก Squalene (ซึ่งเป็นส่วนประกอบตามธรรมชาติในผิวเรา) ข้อดีคือ เบาบางมาก ซึมซาบไวสุดๆ ไม่ทิ้งความมันไว้บนผิวเลย เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบความรู้สึกเหนอะหนะของน้ำมัน และมี Comedogenic Rating เป็น 0-1 แทบจะไม่มีโอกาสอุดตันเลยค่ะ ใครอยากได้ความชุ่มชื้นแต่กลัวอุดตัน สควาเลนคือตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ
- โรสฮิปออยล์ (Rosehip Oil): ฟื้นฟู ลดเลือนรอย
ถ้าผิวเรามีปัญหาเรื่องรอยดำ รอยแดงจากสิว หรือผิวหมองคล้ำ โรสฮิปออยล์ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ ออยล์ตัวนี้อุดมไปด้วยวิตามินเอ (Retinoic Acid) และกรดไขมันจำเป็น ช่วยในเรื่องของการฟื้นฟูเซลล์ผิว ลดเลือนรอยแผลเป็น และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอขึ้น แต่ก็มี Comedogenic Rating อยู่ที่ 2-3 นะคะ อาจจะต้องระวังนิดนึงสำหรับคนที่เป็นสิวง่ายมากๆ
อโวคาโดออยล์เหมาะกับเราไหม?
กลับมาที่คำถามหลักของเรา: อโวคาโดออยล์เหมาะกับผิวบอบบางอย่างเราไหม? คำตอบคือ "อาจจะเหมาะ" ค่ะ! ถ้าคุณเป็นคนผิวบอบบางที่ค่อนข้างแห้ง หรือผิวขาดน้ำมากๆ อโวคาโดออยล์สามารถช่วยเติมความชุ่มชื้นได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ถ้าคุณมีปัญหาผิวมันมาก หรือเป็นสิวง่ายมากๆ ก็อาจจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หรือลองพิจารณาออยล์ทางเลือกอื่นๆ ที่มีโอกาสอุดตันน้อยกว่าแทน
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การทำความเข้าใจสภาพผิวของตัวเอง และ การทดลองใช้อย่างระมัดระวัง ค่ะ ฟังเสียงผิวตัวเองให้ดีที่สุด และอย่าลืมว่าผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สิ่งที่เพื่อนใช้ดี อาจจะไม่เหมาะกับเราเสมอไป