เคล็ดลับ (ไม่) ลับ! วิตามินซีแบบไหนใช้แล้วผิวปัง ไม่พังง่าย? มาเลือก "Ascorbic Acid" ให้ถูกใจกันเถอะ!

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมวิตามินซีในสกินแคร์ของเราถึงชอบเสื่อมสภาพไว๊ไว? ใช้ไปไม่กี่ทีก็เปลี่ยนสีซะแล้ว หรือบางทีก็ไม่เห็นผลลัพธ์อย่างที่ใจหวังเลย! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องวิตามินซีแบบเจาะลึก โดยเฉพาะเจ้า Ascorbic Acid ตัวแม่ที่เราได้ยินชื่อกันบ่อย ๆ

วิตามินซีในสกินแคร์... ทำไมไม่เคยตกกระป๋อง?

"ก็เพราะวิตามินซีมันเริ่ดไงแก! ช่วยเรื่องผิวกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ กระตุ้นคอลลาเจน แถมยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกครบ!"

ใช่แล้วค่ะ! วิตามินซี หรือ Ascorbic Acid เป็นสารที่มีคุณประโยชน์ต่อผิวมากมายจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น:

  • ผิวกระจ่างใสเปล่งประกาย: ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวดูสว่างขึ้น ลดความหมองคล้ำ
  • ลดเลือนจุดด่างดำ รอยสิว: ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดเลือนรอยสิว ฝ้า กระ ที่เกิดจากแสงแดด
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ
  • สารต้านอนุมูลอิสระ: ปกป้องผิวจากมลภาวะและแสงแดด ชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิว

เห็นไหมคะว่าสรรพคุณเค้าแน่นขนาดนี้ จะไม่ให้เป็นนางเอกได้ยังไงไหวล่ะ? แต่ปัญหาคือ วิตามินซีเนี่ย เป็นสารที่ค่อนข้าง ไม่เสถียร ค่ะ หมายถึงว่าเค้าพร้อมที่จะเสื่อมสภาพได้ง่ายมากเมื่อเจอแสง ความร้อน หรือแม้กระทั่งอากาศ

 

เผยหมดเปลือก! "Ascorbic Acid" ทำไมถึงทั้งรักทั้งหลง แต่ก็แอบเซ็งกับความไม่เสถียร?

"Ascorbic Acid" หรือกรดแอสคอร์บิก เป็นวิตามินซีในรูปแบบที่บริสุทธิ์ที่สุดและมีประสิทธิภาพสูงที่สุดในการออกฤทธิ์กับผิวโดยตรงค่ะ เค้าถึงเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่ โรงงานผลิตครีม ชั้นนำเลือกใช้ เพราะผลลัพธ์ที่ได้มันชัดเจนไงคะ! แต่ในขณะเดียวกัน ด้วยความที่เค้าบริสุทธิ์นี่แหละ ทำให้เค้าเป็นตัวที่ เสื่อมไว ที่สุดเช่นกันค่ะ

  • โดนอากาศก็เหลือง: ลองนึกภาพวิตามินซีที่เปิดใช้ไปแล้ว แล้วคุณทิ้งไว้ในห้องน้ำที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก หรือโดนอากาศเยอะๆ สักพักก็จะเริ่มเปลี่ยนสี นั่นแหละค่ะสัญญาณว่าเค้ากำลังเสื่อมสภาพ
  • เจอแสงก็ไม่รอด: แสงแดดเป็นตัวร้ายกาจที่ทำลายวิตามินซีได้อย่างรวดเร็ว
  • ความร้อนก็ตัวการ: อุณหภูมิที่สูงก็เป็นปัจจัยที่ทำให้วิตามินซีเสื่อมเร็วขึ้น

ดังนั้น การจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่มี Ascorbic Acid เนี่ย เราต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่างเลยค่ะ ไม่ใช่แค่ดูว่ามีวิตามินซีเยอะๆ เท่านั้นนะ

 

เคล็ดลับเลือก Ascorbic Acid ยังไงให้เริ่ดไม่เสียของ!

คำถามนี้แหละค่ะที่เราจะมาหาคำตอบกัน! การเลือก Ascorbic Acid ให้อยู่ในสูตรได้จริงและคงประสิทธิภาพได้ดีนั้น มีข้อสังเกตที่เราต้องรู้ค่ะ :

1. ดูที่ "ความเข้มข้น" ที่เหมาะสม (ไม่เยอะไป ไม่น้อยไปนะ!)

โดยทั่วไปแล้ว Ascorbic Acid จะมีประสิทธิภาพดีในช่วงความเข้มข้น 10-20% ค่ะ

  • ถ้าต่ำกว่า 10%: อาจจะเห็นผลลัพธ์ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร เหมือนใช้ไปก็งั้นๆ ไม่ได้ว้าวอะไร
  • ถ้าสูงกว่า 20%: อาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิวได้ง่าย โดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย หรือบางทีก็ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นแบบก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับการเพิ่มความเข้มข้นที่สูงขึ้นมาก ๆ

โรงงานผลิตครีม ที่มีคุณภาพจะมีการศึกษาและทดสอบความเข้มข้นที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละสูตร เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดโดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองค่ะ

2. "ค่า pH" สำคัญมาก! ห้ามมองข้ามเด็ดขาด!

"ค่า pH คืออะไรอ่ะแก? แล้วมันสำคัญยังไงกับวิตามินซี?"

ค่า pH คือระดับความเป็นกรด-ด่างของผลิตภัณฑ์ค่ะ สำหรับ Ascorbic Acid เค้าจะเสถียรและออกฤทธิ์ได้ดีที่สุดในช่วงค่า pH ที่เป็นกรดอ่อน ๆ ประมาณ 2.5-3.5 ค่ะ

  • ถ้า pH สูงเกินไป: วิตามินซีจะเสื่อมสภาพไวมาก และไม่สามารถออกฤทธิ์ได้เต็มที่
  • ถ้า pH ต่ำเกินไป: อาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิวได้ง่าย

ดังนั้น เวลาเลือกซื้อ ให้ลองสังเกตดูว่าผลิตภัณฑ์ระบุค่า pH ไว้ไหม หรือถ้าไม่มี ก็ให้เลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ เพราะ โรงงานผลิตครีม ที่ได้มาตรฐานจะมีการควบคุมค่า pH ของผลิตภัณฑ์อย่างเข้มงวดค่ะ

3. "รูปแบบของบรรจุภัณฑ์" คือหัวใจสำคัญของการคงสภาพ!

"แพ็คเกจมันเกี่ยวอะไรด้วยเหรอ?"

เกี่ยวมากเลยค่ะ! เพราะอย่างที่บอกไปว่า Ascorbic Acid เค้าไม่ชอบแสงและอากาศ ดังนั้นบรรจุภัณฑ์ที่ดีจะต้อง:

  • ทึบแสง: เป็นขวดสีชา หรือขวดทึบไปเลย ห้ามเป็นขวดใสเด็ดขาด! เพราะแสงจะทำลายวิตามินซี
  • ปั๊มสุญญากาศ หรือหลอดบีบ: เพื่อป้องกันอากาศเข้าไปในเนื้อผลิตภัณฑ์ ทำให้วิตามินซีคงสภาพได้นานขึ้น
  • ขนาดเล็ก: ยิ่งขวดเล็ก ยิ่งใช้หมดเร็ว ยิ่งดีค่ะ เพราะการสัมผัสอากาศบ่อยๆ จะทำให้วิตามินซีเสื่อมสภาพได้

ถ้าเห็นผลิตภัณฑ์วิตามินซีที่เป็นขวดใส หรือเป็นแบบกระปุกที่ต้องตักใช้ นั่นคือสัญญาณอันตรายแล้วนะคะ!

4. มี "สารเสริมฤทธิ์" หรือ "สารกันเสถียร" ในสูตรด้วยยิ่งดี!

"สารเสริมฤทธิ์นี่มันช่วยอะไรเหรอ?"

บางครั้ง โรงงานผลิตครีม จะมีการเพิ่มสารบางชนิดเข้าไปในสูตรเพื่อช่วยเสริมฤทธิ์ของวิตามินซี หรือช่วยให้วิตามินซีเสถียรมากขึ้น เช่น:

  • Vitamin E (Tocopherol): ทำงานร่วมกับวิตามินซีได้ดี ช่วยเสริมฤทธิ์การเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
  • Ferulic Acid: ช่วยให้วิตามินซีและวิตามินอีคงตัวได้ดีขึ้น และเสริมฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
  • สารอนุพันธ์วิตามินซี: บางสูตรอาจมีการใช้อนุพันธ์วิตามินซีควบคู่ไปกับ Ascorbic Acid เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ครอบคลุมและคงตัวได้ดีขึ้น

การมีสารเหล่านี้อยู่ในสูตรจะช่วยให้วิตามินซีทำงานได้อย่างเต็มที่และคงประสิทธิภาพได้นานขึ้นค่ะ

5. "วิธีการเก็บรักษา" ก็สำคัญไม่แพ้กัน!

ต่อให้เลือกผลิตภัณฑ์มาดีแค่ไหน แต่ถ้าเก็บไม่ถูกวิธีก็จบเห่เหมือนกันค่ะ!

  • เก็บในที่แห้งและเย็น: หลีกเลี่ยงการเก็บในห้องน้ำที่มีอุณหภูมิสูงและชื้น
  • พ้นจากแสงแดดโดยตรง: ไม่ควรวางไว้ริมหน้าต่างหรือที่ที่มีแสงแดดส่องถึง
  • ปิดฝาให้สนิททุกครั้งหลังใช้: เพื่อป้องกันอากาศเข้า

บางคนอาจจะชอบเก็บในตู้เย็น ซึ่งก็เป็นวิธีที่ดีในการช่วยยืดอายุการใช้งานของวิตามินซีได้ค่ะ แต่ก็ต้องระวังเรื่องความชื้นภายในตู้เย็นด้วยนะคะ

 

 

สรุปแล้ว... วิตามินซีดี ๆ ไม่ได้หายากอย่างที่คิด!

เป็นยังไงกันบ้างคะกับเรื่องราวของวิตามินซี Ascorbic Acid หวังว่าตอนนี้คุณสาวๆ จะมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกและเก็บรักษาวิตามินซีมากขึ้นแล้วนะคะ จำไว้เลยว่าการเลือกวิตามินซีดีๆ ต้องดูที่ ความเข้มข้น ค่า pH บรรจุภัณฑ์ และสารเสริมฤทธิ์ ที่สำคัญคือ โรงงานผลิตครีม ที่น่าเชื่อถือก็เป็นปัจจัยสำคัญในการได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพค่ะ

อย่าเพิ่งท้อใจกับการหาวิตามินซีที่ใช่สำหรับผิวนะคะ ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้รับรองว่าคุณจะเจอนางเอกตัวจริงที่ช่วยให้ผิวคุณสวยปัง ไม่พังง่ายแน่นอนค่ะ

ติดต่อผลิตครีม/สอบถามเพิ่มเติม

  • Line ID
    @i.c.laboratories
  • ที่ตั้งโรงงาน
    444 หมู่1 ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ
    จ.สมุทรปราการ 10270
  • ที่ตั้งออฟฟิศ
    239/44-45 ม.5 ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ
    จ.สมุทรปราการ 10270