Ceramide ไม่ได้เหมาะกับทุกสูตร! สูตรแบบไหนที่ควรเลี่ยง...แล้วผิวสวยจะอยู่กับเราไปนานๆ

เคยสงสัยไหมว่าทำไมสกินแคร์บางตัวถึงไม่ 'ว้าว' อย่างที่คิด? อาจไม่ใช่แค่ส่วนผสม แต่เป็น 'ความลงตัว' ต่างหาก! มาดูกันว่า Ceramide สุดปังของเราเนี่ย บางทีก็มีมุมที่ต้องเลือกใช้ให้ถูกสูตรนะ!

ทำความรู้จัก Ceramide ทำไมใครๆ ก็หลงรัก?

เคยได้ยินชื่อ Ceramide (เซราไมด์) กันบ่อยใช่ไหมคะ? เจ้าสารตัวนี้เนี่ย จัดว่าเป็น "ฮีโร่" ตัวจริงสำหรับผิวเลยก็ว่าได้! ลองจินตนาการถึงผิวของเราเหมือนกำแพงอิฐที่แข็งแรง เซลล์ผิวก็คืออิฐแต่ละก้อน ส่วน Ceramide ก็เปรียบเสมือนปูนที่เชื่อมอิฐแต่ละก้อนเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้กำแพงผิวของเราแข็งแรง ไม่ให้สิ่งแปลกปลอมหรือมลภาวะภายนอกเข้ามาทำร้ายได้ง่ายๆ และยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวของเราได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วยค่ะ

พอผิวของเรามี Ceramide เพียงพอ ผิวก็จะเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น อิ่มฟู ดูสุขภาพดี แถมยังลดปัญหาผิวแห้ง ลอกเป็นขุย หรือระคายเคืองง่ายได้ด้วยนะคะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลายๆ แบรนด์ถึงเลือกใช้ Ceramide เป็นส่วนผสมหลัก และเป็นที่นิยมมากๆ ในกลุ่มคนที่ผิวแพ้ง่าย หรือผิวแห้งเสียค่ะ

เรื่องของน้ำหนักโมเลกุล ทำไมต้องสนใจ?

ทีนี้ มาคุยกันเรื่องที่หลายคนอาจจะมองข้ามไปบ้าง นั่นก็คือ "น้ำหนักโมเลกุล" ของสารแต่ละตัวค่ะ ฟังดูเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์จ๋าๆ ใช่ไหมคะ? แต่อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ! มันไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด และมีความสำคัญกับสัมผัสของผลิตภัณฑ์บนผิวของเรามากๆ เลยนะ

ลองนึกภาพง่ายๆ ว่าสารแต่ละชนิดก็มีขนาดของโมเลกุลไม่เท่ากัน บางตัวเล็กจิ๋ว บางตัวใหญ่เบิ้ม! สำหรับ Ceramide เองก็มีหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีน้ำหนักโมเลกุลที่แตกต่างกันออกไปค่ะ และนี่แหละคือจุดที่ทำให้เราต้องมาพิจารณาให้ดีว่า Ceramide ชนิดไหน หรือในปริมาณเท่าไหร่ ถึงจะเหมาะกับสูตรสกินแคร์ที่เรากำลังมองหา หรือกำลังพัฒนาอยู่

โดยทั่วไปแล้ว สารที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูง มักจะให้สัมผัสที่หนักกว่า หรืออาจจะรู้สึกเหมือนเคลือบผิวอยู่มากกว่าสารที่มีน้ำหนักโมเลกุลต่ำค่ะ ซึ่งตรงนี้แหละที่จะส่งผลต่อความรู้สึกของเราเวลาใช้ผลิตภัณฑ์ บางคนชอบเนื้อสัมผัสที่บางเบา ซึมไว บางคนชอบความรู้สึกชุ่มชื้นแบบเคลือบผิวเล็กน้อยเพื่อช่วยปกป้องผิว ถ้าเราเข้าใจเรื่องนี้ เราก็จะเลือกผลิตภัณฑ์ได้ตรงใจมากขึ้นค่ะ และสำหรับผู้ประกอบการที่กำลังคิดจะ รับสร้างแบรนด์ ของตัวเอง การเข้าใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ จะช่วยให้คุณสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นไปอีก!

สูตรที่ควรเลี่ยง Ceramide เมื่อความปังมาพร้อมกับข้อจำกัด

เอาล่ะค่ะ! มาถึงไฮไลท์สำคัญของบทความนี้กันแล้ว! แม้ Ceramide จะเป็นส่วนผสมที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่ใช่ทุกสูตรที่จะเหมาะกับการใส่ Ceramide เสมอไปนะคะ โดยเฉพาะในบางกรณีที่ต้องการเนื้อสัมผัสพิเศษ หรือประสิทธิภาพการซึมซาบที่รวดเร็ว การเติม Ceramide เข้าไปในปริมาณที่มากเกินไป หรือใช้ Ceramide ที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูง อาจจะทำให้ผลิตภัณฑ์มีสัมผัสที่ไม่ตรงตามที่ต้องการได้ค่ะ เรามาดูกันดีกว่าว่าสูตรแบบไหนบ้างที่เราอาจจะต้องพิจารณาให้ดีก่อนจะใส่ Ceramide ลงไป

 

สูตรกันแดด: ตัวช่วยสำคัญ แต่ต้องเลือกให้ดี

กันแดด ถือเป็นสกินแคร์ที่จำเป็นและสำคัญที่สุดในชีวิตประจำวันของเราเลยใช่ไหมคะ? เราใช้กันแดดทุกวัน และอยากให้มันเกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ ไม่เหนียวเหนอะหนะ เพื่อให้เราสบายผิวที่สุดตลอดวัน และเมคอัพตามมาได้สวยงาม

ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับการใส่ Ceramide ในกันแดดคือ:

  • เนื้อสัมผัส: Ceramide บางชนิด โดยเฉพาะที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูง อาจทำให้เนื้อกันแดดมีความหนืด หรือข้นขึ้นได้ค่ะ ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกลี่ยยากขึ้น รู้สึกหนักผิว หรือทิ้งความรู้สึกเหนอะหนะบนผิวได้ ทำให้หลายคนรู้สึกไม่สบายผิว ไม่อยากใช้กันแดดซ้ำระหว่างวัน
  • การกระจายตัว: ในบางกรณี การมีส่วนผสมที่ให้ความรู้สึกหนักๆ อย่าง Ceramide ในปริมาณมาก อาจส่งผลต่อการกระจายตัวของสารกันแดดบนผิว ทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดลดลงได้ ถ้าหากการกระจายตัวไม่สม่ำเสมอค่ะ

ดังนั้น สำหรับสูตรกันแดดที่เน้นความบางเบา ซึมไว และเกลี่ยง่าย อาจจะต้องพิจารณาใช้ Ceramide ในปริมาณที่เหมาะสมมากๆ หรือเลือก Ceramide ชนิดที่มีน้ำหนักโมเลกุลต่ำ เพื่อให้ได้คุณประโยชน์โดยไม่กระทบต่อเนื้อสัมผัสที่ต้องการค่ะ หรือบางที อาจจะต้องใช้สารอื่นๆ ที่ให้ความชุ่มชื้นและเสริมปราการผิว แต่มีน้ำหนักโมเลกุลที่เบากว่าเข้ามาทดแทนค่ะ

 

สูตรเนื้อบางเบาพิเศษ: เมื่อความสบายคือหัวใจ

สาวๆ หลายคน โดยเฉพาะคนที่มีผิวมัน ผิวผสม หรือคนที่อยู่ในสภาพอากาศร้อนชื้นอย่างบ้านเรา มักจะมองหาสกินแคร์ที่มี เนื้อสัมผัสบางเบาพิเศษ ใช่ไหมคะ? ไม่ว่าจะเป็นเซรั่มเนื้อน้ำ เอสเซนส์ หรือเจล ที่ต้องการให้ซึมหายไปกับผิวอย่างรวดเร็ว ไม่ทิ้งความรู้สึกหนัก เหนอะหนะ หรือเคลือบผิวเลยแม้แต่น้อย

ในกรณีแบบนี้ การเติม Ceramide เข้าไปในสูตรอาจเป็นความท้าทายได้ค่ะ เพราะ:

  • ความรู้สึกหนักผิว: อย่างที่เม้าท์กันไปค่ะ Ceramide ที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูงอาจทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์หนักขึ้น และไม่สามารถซึมลงผิวได้อย่างรวดเร็วตามที่ต้องการ ทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรเคลือบผิวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งขัดกับความต้องการของกลุ่มผู้ใช้ที่ชอบความบางเบา
  • ความมันวาว: ในบางสูตร Ceramide อาจทำให้ผลิตภัณฑ์มีความมันวาวบนผิวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟินิชแบบแมตต์ หรือไม่ต้องการให้หน้ามันวาวระหว่างวัน

ดังนั้น หากเป้าหมายคือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มอบประสบการณ์ "เบาเหมือนอากาศ" การใส่ Ceramide อาจจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ อาจจะต้องลดปริมาณลงอย่างมาก หรือเลือกใช้ Ceramide ชนิดที่มีโครงสร้างโมเลกุลที่เบาบางเป็นพิเศษ หรือมองหาสารเสริมความแข็งแรงให้ผิวชนิดอื่นที่เบากว่าเข้ามาทดแทนค่ะ

 

สูตรซึมไวทันใจ: เพราะความเร็วก็สำคัญนะ!

ได้เลย หรือบำรุงก่อนนอนแล้วไม่รู้สึกเหนอะหนะติดหมอน การที่สกินแคร์ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่ให้ความรู้สึกสบาย แต่ยังช่วยให้เราสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้หลายเลเยอร์โดยไม่รู้สึกหนักผิวอีกด้วย

ปัจจัยที่ Ceramide อาจส่งผลกระทบต่อความเร็วในการซึมซาบ:

  • ความหนืดของเนื้อผลิตภัณฑ์: Ceramide โดยเฉพาะในปริมาณที่เข้มข้น อาจเพิ่มความหนืดให้กับเนื้อผลิตภัณฑ์ ทำให้การซึมซาบเข้าสู่ผิวช้าลง ไม่เป็นไปตามความต้องการของผู้ใช้ที่เร่งรีบ
  • การสร้างฟิล์มเคลือบผิว: Ceramide มีคุณสมบัติในการช่วยสร้างเกราะป้องกันผิว ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เกิดฟิล์มบางๆ เคลือบผิวอยู่ภายนอกเล็กน้อย ซึ่งอาจขัดกับความรู้สึกที่ต้องการให้ผลิตภัณฑ์ซึมหายไปอย่างสมบูรณ์แบบ

การพัฒนาสูตรที่ต้องการความซึมไวสูง จึงต้องมีการปรับสมดุลระหว่างการใส่ Ceramide เพื่อประโยชน์ในการบำรุงผิว กับการเลือกใช้ส่วนผสมอื่นๆ ที่ช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์เบาบางและซึมซาบได้รวดเร็ว หากต้องการเน้นความรวดเร็วในการซึมซาบเป็นหลัก อาจต้องใช้ Ceramide ในสัดส่วนที่น้อยมาก หรือเลือกใช้สารที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันแต่มีน้ำหนักโมเลกุลที่เบากว่าเข้ามาช่วยค่ะ

รู้แล้วรอด! เลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับผิวและไลฟ์สไตล์

มาถึงตรงนี้ สาวๆ คงพอจะเข้าใจแล้วใช่ไหมคะว่าการเลือกสกินแคร์เนี่ย มันไม่ใช่แค่การเลือกส่วนผสมยอดนิยมอย่างเดียว แต่ต้องมองให้ลึกไปถึง "ความเหมาะสม" ของส่วนผสมนั้นๆ กับประเภทของผลิตภัณฑ์ และที่สำคัญที่สุดคือ "ความต้องการของผิวและไลฟ์สไตล์ของเรา" ค่ะ

จำไว้นะคะว่า "ดีสำหรับคนอื่น อาจไม่ดีที่สุดสำหรับเราเสมอไป" และ "ส่วนผสมที่เลิศแค่ไหน ก็ต้องอยู่ในสูตรที่ลงตัว"

แล้วเราจะเลือกสกินแคร์ยังไงให้รอดและปังสุดๆ ล่ะ?

  1. รู้จักผิวตัวเอง: ผิวของเราเป็นแบบไหน? มัน แห้ง ผสม แพ้ง่าย หรือมีปัญหาอะไรเป็นพิเศษ? นี่คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด
  2. กำหนดความต้องการ: เราต้องการอะไรจากสกินแคร์ชิ้นนั้นๆ? ต้องการความชุ่มชื้นแบบจัดเต็ม ต้องการให้ผิวรู้สึกเบาสบาย ต้องการซึมไว หรือต้องการบำรุงล้ำลึก?
  3. อ่านฉลากให้เป็น: ลองดูที่ส่วนผสมและคำเคลมของผลิตภัณฑ์ค่ะ พยายามทำความเข้าใจว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง และส่วนผสมนั้นๆ เหมาะกับความต้องการของเราไหม
  4. ทดลองและสังเกต: ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ลองใช้ด้วยตัวเองค่ะ ลองใช้ผลิตภัณฑ์ในปริมาณน้อยๆ ก่อน แล้วสังเกตปฏิกิริยาของผิวเราว่ารู้สึกอย่างไร ชอบเนื้อสัมผัสไหม มีอาการแพ้หรือระคายเคืองหรือเปล่า

การดูแลผิวเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจและใช้เวลาค่ะ ยิ่งเราเข้าใจผิวตัวเองมากเท่าไหร่ และรู้ว่าอะไรที่เหมาะกับผิวเราจริงๆ มากเท่าไหร่ ผิวสวยสุขภาพดีก็จะอยู่กับเราไปนานๆ แน่นอนค่ะ!

ติดต่อผลิตครีม/สอบถามเพิ่มเติม

  • Line ID
    @i.c.laboratories
  • ที่ตั้งโรงงาน
    444 หมู่1 ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ
    จ.สมุทรปราการ 10270
  • ที่ตั้งออฟฟิศ
    239/44-45 ม.5 ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ
    จ.สมุทรปราการ 10270