เลือกกันแดดแบบไหนดี? กันแดด Physical Chemical ต่างกันอย่างไร

สาว ๆ ที่กำลังปั้นแบรนด์กันแดดของตัวเอง ฟังทางนี้! จะเลือกสารกันแดดแบบ Physical หรือ Chemical เพื่อผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์ลูกค้าที่สุด มาดูข้อดีข้อเสียกันแบบเจาะลึก พร้อมเทรนด์ตลาดที่น่าจับตามองก่อนตัดสินใจ!

กันแดด Physical vs Chemical แบรนด์ไหนเหมาะกับแบบไหน?

สวัสดีค่ะทุกคน ในฐานะคนทำงานด้านการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง บอกเลยว่าหนึ่งในไอเทมที่ปั้นให้แบรนด์ปังได้ไม่ยากก็คือ "กันแดด" เพราะแดดประเทศไทยคือแรงเบอร์ต้น ๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ แต่ก่อนจะลงมือพัฒนาผลิตภัณฑ์จริง ๆ สิ่งสำคัญที่ต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดก็คือ จะเลือกใช้สารกันแดดแบบ Physical หรือ Chemical ดี?

เชื่อว่าหลายคนที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจอาจจะเคยได้ยินสองคำนี้มาบ้าง แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าแต่ละแบบมีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไร และจะเหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่เราตั้งเป้าไว้หรือไม่ วันนี้เรามาไขข้อข้องใจเรื่องนี้ไปพร้อม ๆ กันค่ะ

⏺︎ รู้จักกันแดดทั้ง 2 ประเภท

ก่อนจะไปถึงเรื่องการตัดสินใจ เรามาทำความเข้าใจกลไกการทำงานของกันแดดทั้งสองแบบกันก่อนดีกว่าค่ะ

  • Physical Sunscreen (กันแดดแบบกายภาพ)
    • หลักการทำงาน: เป็นกันแดดที่ทำหน้าที่เสมือน "กระจกเงา" สะท้อนรังสี UV ออกไปจากผิวหนังทันทีที่ทา
    • ส่วนประกอบหลัก: สารสำคัญที่ใช้มีอยู่ 2 ชนิดหลัก ๆ คือ Zinc Oxide และ Titanium Dioxide สองตัวนี้เป็นแร่ธาตุที่พบได้ตามธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง และไม่ค่อยก่อให้เกิดการระคายเคือง
    • ความรู้สึกเมื่อทา: เนื้อสัมผัสค่อนข้างหนัก อาจทิ้งคราบขาว (white cast) ไว้บนผิว ทำให้ต้องใช้เวลาในการเกลี่ย แต่ในปัจจุบันก็มีการพัฒนาให้เนื้อสัมผัสดีขึ้นมากแล้วค่ะ
    • เหมาะกับใคร: ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย, ผิวบอบบาง, หรือเด็กเล็ก
  • Chemical Sunscreen (กันแดดแบบเคมี)
    • หลักการทำงาน: ทำหน้าที่เหมือน "ฟองน้ำ" ดูดซับรังสี UV เข้าไปในผิวหนังแล้วเปลี่ยนให้เป็นพลังงานความร้อนที่ไม่มีผลกระทบต่อผิว
    • ส่วนประกอบหลัก: มีหลากหลายชนิดมากค่ะ เช่น Oxybenzone, Avobenzone, Octinoxate เป็นต้น
    • ความรู้สึกเมื่อทา: เนื้อสัมผัสเบาบาง ซึมง่าย ไม่ทิ้งคราบขาว ทำให้หลายคนชอบใช้ในชีวิตประจำวัน
    • เหมาะกับใคร: ผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย เนื้อสัมผัสเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ

⏺︎ ข้อดี vs ข้อเสีย น้ำหนักในการตัดสินใจ

เมื่อเราพอจะรู้แล้วว่าแต่ละแบบทำงานอย่างไร ทีนี้มาดูข้อดีและข้อเสียที่ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจเลือกผลิตกันค่ะ

◼︎ กันแดด Physical

  • ข้อดี:
    • ออกฤทธิ์ทันทีที่ทา ไม่ต้องรอ 20-30 นาทีเหมือนกันแดดเคมี
    • โอกาสเกิดการแพ้หรือระคายเคืองต่ำมาก เพราะสารกันแดดไม่ได้ซึมเข้าสู่ผิว
    • เหมาะกับผิวแพ้ง่ายและผิวบอบบาง
    • มีความเสถียรสูงภายใต้แสงแดด
  • ข้อเสีย:
    • เนื้อสัมผัสหนักและเหนอะหนะกว่า
    • อาจทิ้งคราบขาว (White Cast) ที่เห็นได้ชัด โดยเฉพาะในคนผิวเข้ม
    • อาจหลุดออกได้ง่ายเมื่อเหงื่อออกหรือโดนน้ำ
    • อาจทำให้ผิวมันดูเงาและหนักขึ้น

◼︎ กันแดด Chemical

  • ข้อดี:
    • เนื้อสัมผัสเบาบาง ซึมซาบเร็ว ไม่ทิ้งคราบขาว
    • ใช้งานง่ายและสะดวกสบาย
    • สามารถผสมกับส่วนผสมอื่น ๆ ได้หลากหลาย
    • มีค่า SPF ที่สูงกว่า
  • ข้อเสีย:
    • อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้ในบางคน
    • ต้องทาก่อนออกแดดประมาณ 20-30 นาที
    • สารบางชนิดอาจไม่เสถียรเมื่อเจอแสงแดดนาน ๆ (แต่ก็มีการพัฒนาให้ดีขึ้นมากแล้ว)
    • มีประเด็นเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ปะการัง

 

⏺︎ สรุปให้ฟัง แล้วแบรนด์ควรเลือกแบบไหนดี?

ไม่มีคำตอบตายตัวค่ะ! การตัดสินใจเลือกผลิตกันแดดแบบ Physical หรือ Chemical ขึ้นอยู่กับ "ภาพลักษณ์แบรนด์" และ "กลุ่มเป้าหมาย" ของคุณเป็นหลัก ลองถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ดูค่ะ

  • ถ้าแบรนด์ของคุณเน้นเรื่องความอ่อนโยน ปลอดภัย ใช้ได้กับทุกคนในครอบครัว: การเลือกใช้ Physical Sunscreen ดูจะเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุดค่ะ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่ผิวแพ้ง่ายหรือมีผิวบอบบางกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำร้ายผิวอยู่แล้ว การชูจุดเด่นเรื่องความอ่อนโยนจะทำให้แบรนด์คุณดูน่าเชื่อถือและเข้าถึงกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ได้ง่ายขึ้น
  • ถ้าแบรนด์ของคุณเน้นเรื่องไลฟ์สไตล์ ความสะดวกสบาย และการใช้ชีวิตในเมือง: การเลือกใช้ Chemical Sunscreen อาจตอบโจทย์กว่าค่ะ เพราะกลุ่มลูกค้าในเมืองต้องการกันแดดที่ทาแล้วสบายผิว แต่งหน้าทับได้ง่าย ไม่ทิ้งคราบขาว และซึมเร็ว ทำให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างคล่องตัว

นอกจากนี้ การผสมผสานกันแดดทั้งสองแบบเข้าด้วยกัน (Hybrid Sunscreen) ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจนะคะ เพราะเป็นการรวมจุดเด่นของทั้งสองประเภทเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ได้กันแดดที่มีประสิทธิภาพสูง เนื้อสัมผัสดี และโอกาสในการแพ้ต่ำลง

 

⏺︎ แบรนด์กับความยั่งยืน หัวใจที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ

ปัจจุบันผู้บริโภคไม่ได้มองหาแค่ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อตัวเองเท่านั้น แต่ยังมองหาแบรนด์ที่ใส่ใจเรื่องความยั่งยืนด้วย การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ง่าย หรือการเลือกใช้ส่วนผสมที่ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม เช่น สารกันแดดที่ไม่มีผลกระทบต่อปะการัง (Reef-safe) จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์และทำให้แบรนด์ของคุณอยู่ในใจผู้บริโภคได้นานขึ้น

 

การตัดสินใจว่าจะผลิตกันแดดแบบ Physical หรือ Chemical เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นค่ะ หัวใจสำคัญของการสร้างแบรนด์กันแดดให้ปังคือ การทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ว่าพวกเขามีปัญหาอะไร ต้องการอะไร และจะทำอย่างไรให้ผลิตภัณฑ์ของเราเข้าไปแก้ปัญหาเหล่านั้นได้จริง ๆ

ถ้าแบรนด์ของคุณเน้นความอ่อนโยน ปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัว เลือก Physical Sunscreen ถ้าเน้นความเบาสบาย ใช้ได้ทุกวัน เลือก Chemical Sunscreen หรือถ้าอยากได้ข้อดีของทั้งสองแบบ ก็มองหา Hybrid Sunscreen แล้วอย่าลืมเพิ่มคุณค่าด้วยส่วนผสมบำรุงผิวและให้ความสำคัญกับเทรนด์ความยั่งยืนที่กำลังมาแรงด้วยนะคะ

ติดต่อผลิตครีม/สอบถามเพิ่มเติม

  • Line ID
    @i.c.laboratories
  • ที่ตั้งโรงงาน
    444 หมู่1 ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ
    จ.สมุทรปราการ 10270
  • ที่ตั้งออฟฟิศ
    239/44-45 ม.5 ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ
    จ.สมุทรปราการ 10270