ค่า SPF และ PA เลือกยังไงให้เหมาะกับการใช้จริง

หลายคนสงสัยและสับสนกันอยู่บ่อย ๆ นั่นก็คือเรื่องค่า SPF และ PA บนผลิตภัณฑ์กันแดดนั่นเองค่ะ! เชื่อว่าหลายคนคงเคยยืนงงอยู่หน้าชั้นวางครีมกันแดด เห็นตัวเลขและสัญลักษณ์เต็มไปหมด จนไม่รู้จะหยิบอันไหนดีใช่ไหมคะ?

รู้หรือยัง? SPF และ PA สำคัญยังไง ทำไมต้องเลือกให้เป็น?

ก่อนอื่นเลย มาทำความรู้จักกับค่า SPF (Sun Protection Factor) และ PA (Protection Grade of UVA) กันก่อนค่ะ สองค่านี้คือมาตรฐานสากลที่บอกประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์กันแดดในการปกป้องผิวจากรังสียูวี (UV) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผิวมากมาย ทั้งผิวคล้ำเสีย ฝ้า กระ จุดด่างดำ และที่น่ากังวลที่สุดคือมะเร็งผิวหนัง

 

ทำความเข้าใจ SPF และ PA คืออะไร?

ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ ค่า SPF ก็เหมือนเกราะป้องกันที่ช่วยชะลอการเกิดผิวไหม้จากรังสี UVB (Ultraviolet B) ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการผิวแสบแดงไหม้จากแดด ส่วนค่า PA เป็นตัวบอกประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA (Ultraviolet A) ที่เป็นสาเหตุของริ้วรอย ฝ้า กระ และความร่วงโรยของผิว

PA จะมีสัญลักษณ์บวก (+) ตามหลัง ยิ่งมีจำนวนบวกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งปกป้องได้ดีขึ้นเท่านั้น โดยแบ่งเป็น:

  • PA+: ป้องกันรังสี UVA ได้เล็กน้อย
  • PA++: ป้องกันรังสี UVA ได้ปานกลาง
  • PA+++: ป้องกันรังสี UVA ได้ดี
  • PA++++: ป้องกันรังสี UVA ได้ดีเยี่ยม

 

ไขข้อสงสัย: ค่า SPF สูง ๆ ยิ่งดีจริงไหม?

หลายคนคิดว่ายิ่งค่า SPF สูง ยิ่งปกป้องได้ดีที่สุด แต่ความจริงแล้ว SPF แต่ละระดับให้การปกป้องที่ต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นค่ะ

  • SPF 15: ป้องกัน UVB ได้ประมาณ 93%
  • SPF 30: ป้องกัน UVB ได้ประมาณ 97%
  • SPF 50: ป้องกัน UVB ได้ประมาณ 98%

จะเห็นว่า SPF 30 กับ 50 ต่างกันแค่ 1% เท่านั้นเอง และที่สำคัญคือไม่มีครีมกันแดดชนิดไหนที่ป้องกันรังสียูวีได้ 100% นะคะ การเลือกใช้ SPF สูง ๆ อาจทำให้ผิวอุดตันได้ง่ายกว่า และบางครั้งอาจทำให้เราละเลยการทาซ้ำ ทำให้การปกป้องไม่ต่อเนื่อง ดังนั้นการเลือกค่า SPF ให้เหมาะกับกิจกรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ

 

เลือก SPF และ PA ให้เหมาะกับกิจกรรมในแต่ละวัน

การเลือกกันแดดควรพิจารณาจากไลฟ์สไตล์และกิจกรรมที่เราทำในแต่ละวันค่ะ

  1. วันทำงานในออฟฟิศ
    ถ้าทำงานในที่ร่ม เจอแสงแดดบ้างตอนเดินทางไป-กลับ SPF 25 - 30 ที่มีค่า PA+++ หรือ PA++++ ก็เพียงพอแล้วค่ะ เพราะนอกจากแสงแดดแล้ว เรายังต้องเจอกับแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือด้วย การเลือกกันแดดที่มีค่า PA สูง ๆ จะช่วยป้องกันผิวจากรังสี UVA และแสงสีฟ้าได้ดีค่ะ
  1. วันที่ต้องออกไปข้างนอก
    ถ้าต้องออกไปทำธุระข้างนอก เดินตลาด หรือไปทานข้าวกลางวัน SPF 30 - 50 ที่มีค่า PA+++ หรือ PA++++ เหมาะสมที่สุดค่ะ ยิ่งถ้าต้องเจอกับแดดแรง ๆ เป็นเวลานาน ควรเลือก SPF 50 ไปเลยเพื่อความมั่นใจ
  1. วันพักผ่อน ไปเที่ยวทะเล ขึ้นเขา หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง
    กิจกรรมเหล่านี้ต้องเจอแสงแดดจ้าเป็นเวลานาน ควรเลือกกันแดดที่มีค่า SPF 50+ และ PA++++ ที่มีคุณสมบัติ Water Resistant หรือ Very Water Resistant เพื่อให้กันน้ำและเหงื่อได้ดี ไม่ไหลเยิ้ม และที่สำคัญคือต้องทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมงค่ะ

 

จากแดดสู่จอ ทำไมต้องปกป้องผิวจากแสงสีฟ้า?

นอกจากรังสียูวีจากแสงแดดแล้ว อีกสิ่งที่น่ากังวลไม่แพ้กันก็คือ แสงสีฟ้า (Blue Light) ที่มาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ต ซึ่งเราต้องใช้ในชีวิตประจำวันเป็นเวลานาน แสงสีฟ้านี้สามารถทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวได้ ทำให้ผิวหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้เช่นกัน

ดังนั้น การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดหรือสกินแคร์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงสีฟ้า เช่น สารสกัดจากพืชบางชนิด หรือสารต้านอนุมูลอิสระ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับสาว ๆ วัยทำงานอย่างเราค่ะ

 

เรื่องกันแดด ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ

จากที่คุยกันมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่าการเลือกใช้กันแดดไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด แต่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และกิจกรรมของเราจริง ๆ ค่ะ ไม่มีกันแดดที่ “ดีที่สุด” แต่มีกันแดดที่ “เหมาะกับเราที่สุด” เพียงแค่เราเข้าใจค่า SPF และ PA รวมถึงรู้วิธีการใช้ที่ถูกต้อง ก็จะช่วยให้เราสามารถปกป้องผิวจากอันตรายของแสงแดดและรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีผิวที่สวยสุขภาพดีไปอีกนาน ๆ เลยค่ะ

ติดต่อผลิตครีม/สอบถามเพิ่มเติม

  • Line ID
    @i.c.laboratories
  • ที่ตั้งโรงงาน
    444 หมู่1 ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ
    จ.สมุทรปราการ 10270
  • ที่ตั้งออฟฟิศ
    239/44-45 ม.5 ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ
    จ.สมุทรปราการ 10270